Live An Urban Life in a middle of Limited Context
ในยามที่รัฐบาลยังควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสที่เป็นสาเหตุของ COVID-19 ไม่ได้ การมีชีวิตในเมือง ก็ดูเหมือนจะมีความเพลิดเพลินลดลงไปเกินครึ่ง และเต็มไปด้วยข้อจำกัด หลายคนไม่กล้าออกไปไหน เก็บกดจนสุขภาพจิตเสีย พวกเราที่ The Jam Factory จึงตั้งใจหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทางสาธารณสุขที่เชื่อถือได้ มาลองกำหนดขอบเขตของการใช้ชีวิตในเมือง ว่ามีอะไรที่เราพอจะทำได้บ้างและยังทำให้เรามีความเสี่ยงในระดับที่ปลอดภัยในการอยู่ร่วมกัน
การใช้ชีวิตคนเมืองให้ยังมีความสุขได้ตามสมควร ฝ่าฟันวิกฤติ COVID-19 ในแบบ The Jam Factory

1.) ทำให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นพาหะของโรค
แน่นอนว่าก่อนที่จะคิดว่าจะออกไปใช้ชีวิตภายนอก ต้องรับผิดชอบกับชีวิตคนรอบๆตัวเราให้ได้ก่อนว่าเราไม่ได้เป็นพาหะของโรค ไม่มีอาการป่วยหรืออาจเป็นอันตรายในการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น อาการเบื้องต้นคือมีไข้ หรือไอแห้งๆ ถ้าเพิ่งกลับจากต่างประเทศที่มีการแพร่กระจายของโรคก็ยังไม่ควรจะคิดเรื่องใช้ชีวิตเก๋ไก๋อะไรกัน อยู่บ้านดูอาการให้แน่ใจตามกำหนด 14 วันแล้วค่อยออกมาเดินเก๋ๆแบบมั่นใจจะดีกว่า
ตรวจสอบอาการเบื้องต้นของโรคที่
– องค์การอนามัยโลก (WHO) : https://www.who.int/thailand/health-topics/coronavirus
– กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข : https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/faq.php

2.) ใช้ชีวิตในที่โล่ง และคนไม่หนาแน่น
จากข้อมูลของ (องค์การอนามัยโลก (WHO) : https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/advice-for-public) เชื้อไวรัสนั้นจะติดต่อกันยากขึ้นมากเมื่อเราอยู่ในที่โล่ง พื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองตอนนี้ก็จะค่อนข้างโล่งกว่าเดิมเยอะ เพราะผู้คนไม่ค่อยออกมาเดินเที่ยวกัน การออกไปหาอาหารรับประทานนอกบ้านตามสถานที่ที่เคยหนาแน่นและคิวยาวอย่างเยาวราช ก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัย อย่างน้อยก็ได้ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ขายให้มีเศรษฐกิจหมุนเวียนกันบ้าง ส่วนเราก็ได้กินของอร่อยๆง่ายขึ้น
ร้านอาหารริมแม่น้ำก็เป็นอีกจุดนึงที่เหมาะ ริมแม่น้ำเป็นที่โล่งกลางเมืองขนาดใหญ่ที่มีลมพัดต่อเนื่องตลอดเวลา นอกจากไวรัสจะไม่ชอบที่โล่งแล้ว ลมที่พัดตลอดเวลา ไม่อับลม ก็จะลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสลงไปได้มาก แนะนำให้นั่งริมแม่น้ำภายนอกรับลมธรรมชาติกันเก๋ๆ อย่าเผลอกลับเข้าไปนั่งห้องแอร์อีกล่ะ หมดกันพอดี

3.) เดินตลาดเล็กๆ
เพราะว่าตลาดชุมชนเล็กๆที่คนไม่หนาแน่น โอกาสการติดเชื้อก็จะน้อยตามไปด้วย แถมยังได้สนับสนุนการค้าขายในชุมชน ตลาดนัด ตลาดที่อยู่ในภายนอกที่โล่ง ไม่อับชื้น ก็จะช่วยให้เพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอยคลายเครียดช่วงนี้ไปได้ และปลอดภัย

4.) ใช้ชีวิตกลางแจ้ง ไปทะเล ขี่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ นั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้
เป็นโอกาสดีที่จะได้ออกมาใช้ชีวิตนอกระบบปรับอากาศบ้าง แสงแดดและอุณหภูมิสูง ไม่เป็นมิตรกับเขื้อไวรัสเท่าไหร่นัก การหาโอกาสนั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยกรองฝุ่น กับเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ ก็น่าจะเป็นการใช้ชีวิตในเมืองที่ผ่อนคลายได้อย่างปลอดภัย
แต่ถ้ามีแรงออกไปต่างจังหวัดได้ ก็อาจเลือกสถานที่ที่มีลมแรงอย่างริมทะเล หรือออกไปปั่นจักรยาน ขี่รถมอเตอร์ไซค์ให้ลมปาดหน้า ก็อาจจะช่วยให้มีความสุขได้อีกนิดนึง ในยามวิกฤติเช่นนี้